ประเทศไทยเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลด้วย AI ตั้งเป้าสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและ AI ของอาเซียน

29 May 2025

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางด้านดิจิทัลและ AI ของอาเซียน” ภายในปี 2570 ในงาน Huawei Thailand Digital & AI Summit 2025 ที่จัดขึ้นวันนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน รวมถึงผู้นำภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และนักวิชาการ เพื่อร่วมกำหนดทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และนวัตกรรมดิจิทัลจะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต


“เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะขยายตัว 7.3% ในปี 2568 ภายใต้นโยบาย Growth Engine of Thailand เรามุ่งเสริมศักยภาพทางดิจิทัลของประเทศ ควบคู่กับการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย และพัฒนาบุคลากรดิจิทัลที่มีทักษะสูง ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างหัวเว่ยจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงให้กับทุกภาคส่วนของสังคมไทย”


รัฐมนตรีกระทรวง DE ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์ดิจิทัล 3 แกนหลักของรัฐบาล ได้แก่:

  1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้แข็งแกร่ง ด้วยนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First), การยกระดับบริการภาครัฐ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ
  2. สร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
  3. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล ด้วยการยกระดับทักษะประชาชน 10 ล้านคน ฝึกอบรมบุคลากรดิจิทัล 90,000 คน และสร้างนักพัฒนา AI 50,000 คน ภายใน 2 ปี


ทั้งนี้ เพื่อสอดรับกับนโยบายการพัฒนาบุคลากรดิจิทัลดังกล่าว หัวเว่ยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมมือกันเพื่อผลักดันระบบนิเวศนวัตกรรม AI และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือนี้ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ICT การออกแบบหลักสูตรร่วมด้าน AI, Cloud, Big Data, IoT และ Digital Leadership รวมถึงการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสู่ Smart Campus อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต


ศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ความร่วมมือกับหัวเว่ยครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคการศึกษา และเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาและบุคลากรของเราสำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่”


ความร่วมมือครั้งนี้ จะใช้ประโยชน์จาก 4 เสาหลักของ Huawei ASEAN Academy (Thailand) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรอย่างรอบด้าน ได้แก่ 1) Business School for Leaders เสริมสร้างความเป็นผู้นำดิจิทัลให้กับผู้บริหารในอนาคต 2) Technical School for Creators ฝึกฝนทักษะด้าน AI, Cloud และเทคโนโลยีเกิดใหม่ 3) Engineer School for Practitioners ยกระดับความสามารถเชิงปฏิบัติสำหรับวิศวกร และ 4) Digital Inclusion for Users ส่งเสริมการเข้าถึงและการรู้เท่าทันดิจิทัลในวงกว้าง


หัวเว่ยเดินหน้าสนับสนุนประเทศไทยสู่อนาคตอัจฉริยะ

หัวเว่ยมุ่งมั่นในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของไทย ด้วยยุทธศาสตร์ครบวงจรที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล คลาวด์ที่พร้อมสำหรับ AI และการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมร่วมกับพันธมิตร


นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “AI มาถึงในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและอัจฉริยะไทย ในอีก 5 ปี ข้างหน้า เศรษฐกิจดิจิทัลคาดว่าจะเติบโตเร็วกว่า GDP ถึง 3 เท่า การผสานเทคโนโลยี 5G คลาวด์ และ AI เข้าด้วยกัน ช่วยให้แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็ก เช่น เกษตรกร ก็สามารถนำเครื่องมืออย่างอวาตาร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ในการขายสินค้าออนไลน์และไลฟ์สดได้”


นายวิลเลียม ตง ประธานฝ่ายการตลาดของหัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) เน้นย้ำว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีคลาวด์เป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเข้าถึง AI อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม การลงมือทำทันที คือ กุญแจสำคัญในการคว้าโอกาสจาก AI ภายใต้กลยุทธ์ที่ชัดเจน Huawei Cloud พร้อมสนับสนุนประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน และการพัฒนาบุคลากรในประเทศอย่างต่อเนื่อง


ในงานนี้ หัวเว่ยได้เปิดตัวโซลูชัน AI รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งประกอบด้วย:

  1. AI-native Cloud Infrastructure ที่รองรับการประมวลผลแบบตามต้องการ
  2. AI-ready Data Infrastructure ที่รวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างครบวงจร
  3. AI Connectivity ที่เชื่อมโยงข้อมูลและระบบได้อย่างไร้รอยต่อ
  4. โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น Pangu LLM และ DeepSeek ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมไทย
  5. โซลูชัน Digital Power ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และมีเสถียรภาพ
  6. แอปพลิเคชัน AI สำหรับผู้บริโภค ครัวเรือน และองค์กรธุรกิจ


นอกจากนี้ งานดังกล่าวยังเปิดเวทีให้พันธมิตรในระบบนิเวศมากกว่า 40 ราย ร่วมจัดแสดงนวัตกรรม AI และดิจิทัลในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาครัฐ การเงิน การศึกษา และค้าปลีก พร้อมเปิดตัวชุมชนเทคโนโลยีใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ IP Club, OptiX Club และ OceanClub เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของวิศวกรไทย


ด้วยมูลค่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลโดยภาครัฐและเอกชนรวมกว่า 500,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 ประเทศไทยมีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำแห่งเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI ในภูมิภาค


ข่าวไฮไลท์

find me on socials

Find us on Facebook

NEWS UPDATE