สิงห์ เอสเตท รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก ปี 2568 โตต่อเนื่อง ยืนยันศักยภาพความมั่นคงจากฐานรายได้ประจำ หนุนกำไรเติบโตตามคาด

13 Nov 2025

สิงห์ เอสเตท รายงานผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจำนวน 10,480 ล้านบาท กำไรสุทธิ 135 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน


บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET:S) ผู้พัฒนาและลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ครอบคลุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2568 มีรายได้หลักจากการดำเนินงานรวม 3,615 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ในรอบ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 10,480 ล้านบาท


โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,882 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการจำนวน 8,567 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 นี้ ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันจากปีก่อน จากระดับ 23% สู่ระดับ 25% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นถึง 405%

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า “หนึ่งจุดแข็งของสิงห์ เอสเตท คือการมีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากสัดส่วนหลักที่มาจากรายได้ประจำทั้งจากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ และธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเสริมเสถียรภาพทางการเงินและ สร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมยังคงมีผลการดำเนินงานที่โดนเด่น สามารถรายงานรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ได้สูงขึ้นทุกภูมิภาคเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน โดยเฉพาะในประเทศไทย ถึงแม้ว่า จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวแต่ยังสามารถรายงาน RevPAR เติบโตขึ้นถึง 31% จากไตรมาส 3 ของปี 2567 สู่ระดับ 4,910 บาท โดยแรงขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ที่ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ การยกระดับคุณภาพสินทรัพย์ด้วย RevPAR สูงขึ้นกว่า 2 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน


ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันยังคงสามารถรักษาระดับอัตราการเช่าเฉลี่ยของสามอาคารหลัก ได้แก่ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์, ซันทาวเวอร์ส และเอส เมโทร ในระดับ 80% โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาได้ทยอยปิดการขาย แก่ผู้เช่าหลัก (Anchor tenants) อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นพื้นที่เช่าใหม่ที่สามารถปิดการขายได้กว่า 4,000 ตารางเมตร และมีกำหนดทยอยเข้าใช้พื้นที่ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้จนถึงต้นปี 2569 และคาดว่าอาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่เป็นอาคารสำนักงานแฟล็กชิปของบริษัทจะมีอัตราการเช่ากลับมาที่ระดับ 90% อีกครั้งหนึ่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่น ต่อคุณภาพโครงการตลอดจนทำเลศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการทำงานและการใช้ชีวิต


ในส่วนของธุรกิจที่พักอาศัย โครงการ สริน พรานนก-กาญจนา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป ขณะที่โครงการซึ่งวางแผนจะปิดในปี 2568 ได้แก่ โครงการคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย โดยสร้างรายได้กว่า 350 ล้านบาทในปี 2568


ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม นอกจากที่ดิน 75 ไร่ที่ปิดการขายกับบริษัท Dali Foods Group ก่อนหน้านี้และโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายเพิ่มเติมแก่ บริษัท เพียวสตรอง จำกัด จำนวน 9 ไร่ โดยคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568”


สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงขับเคลื่อนมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่มีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวจากการเข้าสู่ฤดูกาล การท่องเที่ยวของโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างรายได้จาก ธุรกิจหลักอื่น ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงิน ให้ลดต่ำลง ควบคู่กับการสรรหาแหล่งเงินทุนที่มีความเหมาะสม เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและยกระดับความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว


ในปี 2568 บริษัทฯ ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) เป็นปีที่ 7 ต่อเนื่องติดต่อกันจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตามหลักการกำกับดูแลกิจการตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี พร้อมคำนึงถึง ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน


“นอกจากการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการลงทุนและต่อยอดความสำเร็จในระยะยาว” นายชัยรัตน์ กล่าวเสริม

ข่าวไฮไลท์

find me on socials

Find us on Facebook

NEWS UPDATE