WHA Group โชว์ผลงานแข็งแกร่ง 9 เดือน กำไรปกติแตะ 3,787 ล้านบาท โต 14% เดินหน้าเสริมพอร์ต 5 กลุ่มธุรกิจ

15 Nov 2025

WHA Group เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง โชว์ 9 เดือน กำไรปกติแตะ 3,787 ล้านบาท โต 14% (Y-Y) ส่งสัญญาณทุบสถิติ สร้าง All Time High ต่อเนื่อง ตามแผนงาน เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท/หุ้น จ่อ XD 27 พ.ย.นี้


WHA Group รายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 เติบโตโดดเด่นตามแผนงาน รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 11,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ขณะที่กำไรปกติขยับขึ้นเป็น 3,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% (Y-Y) บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท/หุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ด้านผู้บริหารเผยกำลังเจรจากลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่และกลุ่ม Data Center ระดับ 1,000 ไร่ สะท้อนศักยภาพในการก้าวสู่ศูนย์กลางดิจิทัลและเทคโนโลยีของภูมิภาค


ผลประกอบการเด่น – โตทุกมิติ พร้อมทิศทางเติบโตต่อเนื่อง

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรรวม 12,079 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,690 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนแรกปี 2568 โดยหากพิจารณาผลประกอบการปกติ รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติอยู่ที่ 11,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และกำไรปกติ 3,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมางวดไตรมาส 3/2568


บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 2,681 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% (Y-Y) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท/หุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 ธันวาคม 2568 พร้อมได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง สะท้อนโครงสร้างรายได้ที่มั่นคงและสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง


นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นของกลุ่มบริษัทจากกลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรผ่าน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย


ธุรกิจโลจิสติกส์ – ดีมานด์โกดังพุ่งต่อเนื่อง

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มรวม 154,012 ตร.ม. เป็นมูลค่าสัญญารวม 1,739 ล้านบาท และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 73,407 ตร.ม. โดยบริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 3,175,486 ตร.ม. โดยในไตรมาส 3 ของปี 2568 บริษัทมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปจำนวน 30,775 ตร.ม.


ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเข้าเซ็นต์สัญญากับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายราย อาทิ กลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ผู้ผลิต/จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึง ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ โดยมีพื้นที่รวมกันกว่า 44,000 ตร.ม. และมูลค่าสัญญากว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยเซ็นสัญญาได้ภายในสิ้นปีนี้


“จากความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากโครงการ WHA Mega Logistics Center บางนา-ตราด กม. 23 (ขาเข้า) และ WHA  Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 ที่มีผู้เช่าลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่แล้วเกือบเต็มทั้งโครงการ ส่งผลให้บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอย่าง WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 (เฟส 3) และยังมีโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งแรกที่ประเทศเวียดนามภายในนิคมอุตสาหกรรม มินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 มีลูกค้าลงนามเช่าพื้นที่เพิ่ม 7,114 ตร.ม.”

 

บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินและ/หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART อีกครั้งภายในไตรมาส 4 ปี 2568 จากเป้าหมายทั้งปี ในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ พื้นที่ราว 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท


ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม – จ่อปิดดีลรายใหญ่ กลุ่ม Data Center

9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมียอดขายที่ดินรวมจำนวน 1,258 ไร่ ยอด MOU ที่อยู่ในระดับสูงจำนวน 1,806 ไร่ และยอดการโอนที่ดิน 1,363 ไร่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในภาพรวมยังคงได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลและความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมียอดขายที่ดินจำนวน 154 ไร่ ยอดการโอนที่ดิน 220 ไร่ และ ณ สิ้นไตรมาส บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้าถึง 1,400 ไร่  


“WHA อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้ากลุ่ม Data Center ที่มีความต้องการใช้พื้นที่ดินระดับ 1,000 ไร่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทยในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่”


WHA Group มีทั้งหมด 17 นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเวียดนาม มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 6 โครงการ พื้นที่รวม 10,190 ไร่ ด้านโครงการใหม่ล่าสุดอย่างโครงการ WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 พื้นที่รวม 6,370 ไร่ ได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการและคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงแรกได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2569 ขณะที่เขตอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการพัฒนาแล้ว บนพื้นที่ 4,241 ไร่ (678.5 เฮกตาร์) ได้แก่ WHA Industrial Zone 1 – Nghe An ที่จังหวัดเหงะอาน (Nghe An) และ WHA Smart Technology Industrial Zone 1 – Thanh Hoa ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hóa)



ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) – เติบโตแข็งแกร่งในไทยและเวียดนาม

ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 รวมเท่ากับ 40.4 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 120.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ โดยประเทศไทยมียอดจำหน่ายน้ำในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 30.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 92.0 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ยอดขายน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีจะลดลงเล็กน้อย ด้านปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 28% (YoY) จากความต้องการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าใหม่


พร้อมกันนี้บริษัทรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขอใช้น้ำเกินกว่าที่จัดสรร (One-time Charge) จำนวน 272 ล้านบาท จากลูกค้าที่มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมาก สำหรับประเทศเวียดนาม มีการขยายตัวอย่างโดดเด่น บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 10.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 28.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามยอดจำหน่ายน้ำที่เพิ่มขึ้นของโครงการ Duong River ที่เติบโตตามการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่


ธุรกิจไฟฟ้า – พลังงานหมุนเวียนโตต่อเนื่อง

ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญา เพิ่มจำนวน 10 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 6 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 322 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 998 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 709 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 181 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 289 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด


 “งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างรอเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มากกว่า 100 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งยังเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ ดับบลิวเอชเอ”  


ธุรกิจดิจิทัล : เดินหน้าทรานส์ฟอร์มสู่ Technology-driven Organization

เดินหน้ายกระดับไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนา Mobilix Software Solution ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจโมบิลิตี้


ธุรกิจโมบิลิตี้ : เร่งขยาย Built-to-Suit EV Ecosystem

ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 377 คัน ทั้งนี้ บริษัทมุ่งผลักดันธุรกิจโมบิลิตี้ Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ทั้ง 3 รูปแบบบริการ อาทิ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ 


ยืนยันความเป็นผู้นำ – ธรรมาภิบาลและความยั่งยืนระดับสากล

ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ สะท้อนถึงรางวัลความสำเร็จ อาทิ รางวัล ASEAN CG Scorecard ติดอันดับ Top 50 ครั้งแรก แสดงถึงความสำเร็จด้านธรรมาภิบาลระดับอาเซียน พร้อมกันนี้ ยังได้รับการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2568 (CGR) ระดับ ‘ดีเลิศ (Excellent)’ หรือ ‘5 ดาว’ ต่อเนื่อง 8 ปีซ้อน รวมถึงยังได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards 2025 ระดับดีเด่น ชู 5 ภารกิจหลัก ภายใต้กรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเพื่อมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 ตามพันธกิจ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE”

ข่าวไฮไลท์

find me on socials

Find us on Facebook

NEWS UPDATE