กรมป่าไม้–ราช กรุ๊ป สานพลังรักษ์ป่า เดินหน้าโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ปีที่ 18 สู่เป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ

24 Nov 2025

กรมป่าไม้ ร่วมกับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สานต่อโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ตอกย้ำความสำเร็จของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ของประเทศ


ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าวสะท้อนผ่านความสำเร็จของป่าชุมชนบ้านจานอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2568 จากการอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติ ต่อยอดสู่การจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมทั้งประสานภาคีเครือข่ายรักษ์ป่าที่เข้มแข็งทั้งภายในชุมชนและเครือข่ายในจังหวัดภาคอีสาน รางวัลอันทรงเกียรตินี้นับเป็นความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจ  อันสำคัญยิ่งให้แก่ชุมชน ในการเดินหน้ารักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้คงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืน


นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน

และภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกับภาครัฐ จึงได้นำแนวคิดในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ในรูปแบบของป่าชุมชน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ซึ่งในปัจจุบัน กรมป่าไม้ได้ส่งเสริมให้จัดตั้งป่าชุมชน ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จำนวน 12,985 ป่าชุมชน ชุมชนมีส่วนร่วม จำนวน 14,593 หมู่บ้าน เนื้อที่รวม 7.07 ล้านไร่ โดยกรมป่าไม้จะเร่งขยายให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนครอบคลุมทั่วประเทศ ครบตามเป้าหมาย จำนวน 15,000 ป่าชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่


นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุชาติ ชมกลิ่น) มีนโยบายในการขับเคลื่อนงานและสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ผ่านกลไกการบูรณาการ และสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของพี่น้องเครือข่ายป่าชุมชน เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ รักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม อำนวยประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ “ป่าชุมชน” เป็นการดำเนินภารกิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อช่วยปกป้อง รักษา และเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งต่อมรดกที่ทรงคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่นโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน”


จึงนับเป็นตัวอย่างอันดีที่ภาคเอกชน คือ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการดำเนินการสนับสนุนภาคประชาชน ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ในการจัดการตลอดจนเป็นการยกย่องเพื่อเชิดชูเกียรติป่าชุมชนที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ป่าชุมชนอื่น และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่งที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ ซึ่งเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คน อย่างหาที่สุดมิได้

นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ถือเป็นโครงการเรือธงสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักขององค์กรในการสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร ในการส่งเสริมการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ เพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอน เพื่อสร้างสมดุลแก่ระบบนิเวศและช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณพืชและสัตว์


นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ที่เริ่มดำเนินโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน เป็นต้นมา โครงการดังกล่าวช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 13 “การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action)” จนถึงปัจจุบันบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ป่าผ่านกิจกรรมการประกวดป่าชุมชนทั่วประเทศ รวม 1,786 ชุมชน คิดเป็นพื้นที่ป่า รวม รวม 1,620,176.77 ไร่ ซึ่งผืนป่าที่ชุมชนดูแลรักษาไว้นี้ได้กลายเป็นแหล่งบริการระบบนิเวศแก่ชุมชนและสังคม และยังเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกเดือด ได้ราว 10,207,113.65 ตันคาร์บอน (ค่าเฉลี่ยอัตราการกักเก็บคาร์บอนของป่าไม้ประมาณ 6.3 ตัน/ไร่)


สำหรับการประกวดป่าชุมชนรางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2568 มี 16 ชุมชนที่ได้รับรางวัล โดยพื้นที่ป่าที่ดูแลรักษา รวม 24,088.08 ไร่ ซึ่งสามารถให้บริการเชิงนิเวศได้มูลค่าประมาณ 2,161.59 ล้านบาท และกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 151,754.90 ตันคาร์บอน


รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ถ้วยรางวัลพระราชทาน กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีนี้ เป็นของป่าชุมชนบ้านจาน ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้และการใช้ประโยชน์อย่างสมดุล รวมทั้งขยายความร่วมมือการอนุรักษ์ป่า ไปยังภาคีเครือข่ายโดยรอบ ได้แก่ กลุ่มเยาวชน โรงเรียนบ้านจาน และราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) เทศบาลตำบลหนองเต็ง และองค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เครือข่ายป่าชุมชนบ้านเสม็ด ตำบลคอโค อำเภอเมือง จ.สุรินทร์ เป็นต้น


ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีของการดำเนินงาน โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างกว้างขวาง พร้อมเชิดชูเกียรติและสร้างกำลังใจแก่ชุมชนที่ทุ่มเทดูแลผืนป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

ผลรางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2568

รางวัลระดับประเทศ

  1. รางวัลป่าชุมชนชนะเลิศระดับประเทศ ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 200,000 บาท
  2. ป่าชุมชนบ้านจาน หมู่ที่ 6 ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
  3. รางวัลรองชนะเลิศระดับประเทศ
  4. จำนวน 3 รางวัล ได้รับถ้วยรางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล รางวัลละ 150,000 บาท
  5. ป่าชุมชนบ้านวังจรเข้ หมู่ที่ 6 ตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
  6. ป่าชุมชนบ้านแม่คาวหลวง หมู่ที่ 2 ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
  7. ป่าชุมชนบ้านบาลา หมู่ที่ 5 ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส


รางวัลระดับภาค

  1. รางวัลป่าชุมชนชนะเลิศระดับภาค
  2. จำนวน 4 รางวัล ได้รับถ้วยรางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล รางวัลละ 100,000 บาท
  3. ภาคเหนือ: ป่าชุมชนบ้านหนองผุก หมู่ที่ 10 ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
  4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ป่าชุมชนบ้านกุดหมากไฟ หมู่ที่ 1 ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
  5. ภาคกลางและภาคตะวันออก: ป่าชุมชนบ้านถ้ำน้ำพุ หมู่ที่ 10 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
  6. ภาคใต้: ป่าชุมชนบ้านทุ่งโคกแค หมู่ที่ 16 ตำบลบ้านลำนาว อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช
  7. รางวัลป่าชุมชนรองชนะเลิศระดับภาค
  8. จำนวน 4 รางวัล ได้รับโล่รางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล รางวัลละ 50,000 บาท
  9. ภาคเหนือ: ป่าชุมชนบ้านสะพานหิน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
  10. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ป่าชุมชนบ้านหนองม่วง หมู่ที่ 8 ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
  11. ภาคกลางและภาคตะวันออก: ป่าชุมชนบ้านขุนชำนาญ หมู่ที่ 2 ตำบลเกษตรสุวรรณ อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
  12. ภาคใต้: ป่าชุมชนบ้านธารน้ำร้อน หมู่ที่ 1 ตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี


รางวัลดีเด่นด้านการรับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ

  1. จำนวน 4 รางวัล ได้รับถ้วยรางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล รางวัลละ 50,000 บาท
  2. ป่าชุมชนบ้านห้วยกองเลาะ หมู่ที่ 9 ตำบลป่าพลู อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน
  3. ป่าชุมชนบ้านหนองการ้อง หมู่ที่ 11 ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
  4. ป่าชุมชนตำบลเจริญสุข หมู่ที่ 1,12 และ หมู่ที่ 14 ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
  5. ป่าชุมชนบ้านบ่อหว้า หมู่ที่ 11 ตำบลควนโส อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา


ข่าวไฮไลท์

find me on socials

Find us on Facebook

NEWS UPDATE